ทำความรู้จัก Metaverse
เชื่อว่าในยุค MSN หรือ Hi5 ก็คงไม่มีใครจินตนาการถึง Facebook Instagram หรือ Twitter ฯลฯ อย่างที่พวกเราคุ้นชินกันในปัจจุบัน เช่นเดียวกันกับปัจจุบันก็คงยังไม่มีใครจินตนาการออกถึงยุคที่ทุกอย่างเป็น Metaverse 100% แต่ความก้าวหน้าของของเทคโนโลยีก็ทำให้เริ่มเห็นความเป็นไปได้ของหลายๆอย่างที่กำลังค่อยๆก้าวเข้าสู่ความเป็น Metaverse ก่อนหน้านี้อาจมีคนเคยได้ยินคำว่า Metaverse มาบ้าง บางคนอาจเคยได้ยินมาจากการเล่นเกม ซึ่งเป็นคอนเซ็ปต์ที่ผู้เล่นสามารถสวมบทเป็นตัวละครเกมและมีปฏิสัมพันธ์ (Interaction) กับผู้เล่นที่เป็นอีกตัวละครหนึ่งได้บนโลกออนไลน์ แต่อาจยังไม่รู้จักเป็นที่แพร่หลายมากนัก
จนกระทั่งเมื่อเดือนตุลาคม 2021 ที่ผ่านมา มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้งเฟซบุ๊ก (Facebook) ประกาศเรื่องสำคัญในงาน Facebook Connect เปิดเผยถึงชื่อใหม่ของบริษัท นั่นก็คือ เมตา (Meta) เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมเข้าสู่ยุคของเมตาเวิร์ส (Metaverse) และได้โพสต์รูปเซลฟี่ของตนลงบนเฟซบุ๊กพร้อมแคปชั่นว่า “Hello, Meta” ซึ่งหลังจากนั้นทำให้กระแสของคำว่า Metaverse พุ่งทะยานเป็นเป็นที่หน้าจับตามองจากทั่วทุกมุมโลก ไม่เพียงแต่การ Rebranding ของ Facebook ที่ทำให้ชาวโลกหันมาสนใจคำว่า Metaverse แต่วิกฤต Covid-19 ที่ทุกคนกำลังเผชิญ เป็นเหมือนอีกหนึ่งปัจจัยเร่งที่ทำให้ผู้คนหันมาปรับใช้เทคโนโลยีเข้ากับชีวิตประจำวันมากขึ้น ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือการประชุมผ่าน Zoom หรือการใช้จ่ายผ่าน E-Wallet เพื่อลดการสัมผัสเงินสด
คำว่า Metaverse เกิดขึ้นครั้งแรกในปี 1992 ผ่านนวนิยายวิทยาศาสตร์เรื่อง Snow Crash ของ Neal Stephenson ว่าเรื่องการวิพากษ์การเมืองในโลกอนาคต ผสมผสานกับตำนานของชาวสุเมเรียน และแนวคิดเทคโนโลยี VR โดยคำว่า Metaverse มาจากคำว่า Meta ที่แปลว่า ‘เหนือกว่า, พ้น, เกินขอบเขต’ กับคำว่า Universe ที่แปลว่า ‘จักรวาล’ ดังนั้นหากแปลตรงตัว Metaverse ถึงหมายโลกที่พ้นขอบเขตไปแล้ว หรือ จักรวาลที่พ้นขอบเขตที่เรารู้จัก
ทั้งนี้ คำว่า Metaverse ยังไม่มีนิยามใดนิยามหนึ่งที่แท้จริง เพราะตอนนี้ Metaverse ยังคงเป็นแนวคิดในอุดมคติที่รอคนมาพัฒนาให้เป็นรูปเป็นร่างและใช้ได้ในโลกความเป็นจริง แต่ความหมายของ Metaverse ที่ทุกคนพูดถึงกัน ณ ขณะนี้ หมายถึง สภาพแวดล้อมของโลกเสมือนจริงของผู้คนผ่านทางอินเทอร์เน็ต เป็นพื้นที่ดิจิทัลที่ถูกสร้างขึ้นให้เหมือนจริง เหมือนเราอยู่อีกโลกนึง ใช้ชีวิตคล้ายกับอยู่บนโลกความเป็นจริง โดยการใช้ความเป็นจริงเสมือน (Virtual Reality: VR) หรือเทคโนโลยีโลกเสมือนผสานโลกแห่งความจริง (Augmented Reality)
Metaverse ทำให้ Marketing เปลี่ยนไปอย่างไร?
ณ ตอนนี้ Metaverse ยังไม่เป็นจริง 100% แต่เทคโนโลยีพื้นฐาน เช่น VR หรือ AR ได้เริ่มก่อร่างสร้างตัวมามากกว่า 3 ปีแล้ว หาก Metaverse กลายเป็นความจริงอย่างที่ มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก กล่าวไว้ในคลิป The Metaverse and How We'll Build It Together -- Connect 2021 วิธีการที่เราๆใช้อินเตอร์เน็ตจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง จากเดิมที่เราเล่นอินเตอร์เน็ตผ่าน “จอ” ไม่ว่าจะเป็นจอมือถือ จอคอม หรือจอแท็ปเล็ต จะถูกเปลี่ยนเป็นการที่เราได้เข้าไป “สัมผัส” คอนเทนต์นั้นๆ ในรูปแบบของ “ประสบการณ์” อย่างเช่น ปัจจุบัน เราดูคลิป live คอนเสิร์ตผ่านจออุปกรณ์ของเรา ในยุค Metaverse เราจะได้เข้าไป “สัมผัส” ดังเช่นเราอยู่ในคอนเสิร์ตนั้นจริงๆ ในแง่ของการทำ Marketing ก็เช่นกัน แบรนด์อาจต้องเปลี่ยนจากผลิตหนังโฆษณาหรือคลิปรีวิวแบบเดิมๆ เป็นคอนเทนต์รูปแบบใหม่ เช่น AR หรือ VR ที่ให้ลูกค้าได้สัมผัสกับสินค้า หรือแบรนด์นั้นจริงๆ
นอกจากนี้ Metaverse ยังต้องการสร้าง “โลกเสมือน” หรือ “Virtual Reality” (VR) ที่สามารถให้ผู้ใช้มีตัวตนในโลกเหล่านั้นได้ แม้แต่สร้างบ้าน ซื้อที่ดิน ก็อาจทำได้! และแน่นอนว่ามีบ้านแล้วก็อาจชวนเพื่อนใน Metaverse มาบ้านเราก็ได้ ซึ่งในจุดนี้เองก็มีโอกาสเพิ่มพื้นที่ให้แบรนด์ได้ Engage กับผู้บริโภคในมิติใหม่ๆในแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เช่น แบรนด์สามารถจัด Event เปิดตัวสินค้าบน Metaverse ที่ให้คนจากทั่วทุกมุมโลกเข้ามาร่วมงานได้ผ่าน VR หรือ อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของ Influencer Marketing เช่น แบรนด์สามารถสร้างเสื้อในโลก VR ให้ Influencer ใส่ในโลก Metaverse และเมื่อเขา/เธอเดินไปพบคนอื่น เขา/เธอก็ได้รับค่าโฆษณาจากแบรนด์ เป็นต้น
ดังที่กล่าวมา Metaverse เปรียบเสมือนความเป็นไปได้แบบใหม่ ที่จะเกิดขึ้นจากอินเตอร์เน็ตในยุคต่อไป ซึ่งแน่นอนว่าจะทำให้วิธีการใช้อินเตอร์เน็ตและการรับสื่อของเราๆเปลี่ยนไปอย่างแน่นอน ซึ่งการทำ Marketing ก็จะต้องเปลี่ยนแปลงไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน